เอฟเวอร์ตันฮึดสุดชีวิตพิชิตผีแดง 1 – 0
โอกาสในการลุ้นจบศึก พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ด้วยการติดท็อปโฟร์ของ ผีแดง ดูเหมือนเลือนรางออกไปทุกที หลังจากที่ออกไปพลาดท่าพ่ายเอฟเวอร์ตันที่กูดิสัน ปาร์ค 0-1 ในเกมลีกนัดล่าสุด เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2022 ทำให้ตอนนี้ตามหลังสเปอร์สห่างถึง 6 แต้ม หลังจากลูกทีมของอันโตนิโอ คอนเต้ฟอร์มกำลังหุงขึ้นหม้อเดินหน้ากวาดชัยในลีกติดต่อกันเป็นนัดที่ 4 ด้วยการบุกไปไล่ต้อนแอสตัน วิลล่าอย่างไร้ความปราณี 4-0 ในคืนวันเดียวกัน
สามแต้มในเกมนี้มีความหมายที่ต่างกัน ทางด้านเอฟเวอร์ตันต้องการเพื่อรอดพ้นการตกชั้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรนับตั้งแต่ปี 1951 ทางฝั่งแมนฯยูฯจำเป็นต้องเดินหน้ากวาดชัยทุกเกมที่เหลือเพื่อต่อลมหายใจในการลุ้นจบฤดูกาลนี้อย่างน้อยที่อันดับ 4 ซึ่งเป็นพื้นที่สุดท้ายที่จะได้ตีตั๋วไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรอบแบ่งกลุ่มแบบอัตโนมัติในซีซั่นหน้า
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดฝ่ายเปิดเกมรุกเข้าใส่ตั้งแต่สิ้นเสียงนกหวีดผู้ตัดสินเป่าเริ่มการแข่งขัน และก็มีลุ้นโอกาสแรกตั้งแต่นาทีที่ 8 จากความผิดพลาดของฟาเบียน เดลฟ์ที่เคลียร์บอลออกไปไม่ขาด แล้วมันดันไปเข้าทางปืนมาร์คัส แรชฟอร์ด ดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ได้ตะบันด้วยขวาหน้าบริเวณกรอบเขตโทษ แต่จอร์แดน พิคฟอร์ดก็ยังโชว์ฟอร์มได้สมราคาประตูมือหนึ่งทีมชาติอังกฤษด้วยการเซฟช่วยทอฟฟี่สีน้ำเงินเอาไว้ได้ไม่พลาด
ปีศาจแดงยังคงเดินหน้าประเคนเกมรุกเข้าใส่เป็นระลอก และน่าจะได้ประตูปลดล็อกด้วยการบุกไปนำ 1-0 ในนาทีที่ 12 จากจังหวะที่บรูโน่ แฟร์นันด์ส สตาร์ทีมชาติโปรตุเกส เปิดบอลเข้าไปในเขตโทษให้แรชฟอร์ดได้โขกเน้น ๆ แต่ก็ยังไม่ผ่านมือของพิคฟอร์ดไปได้
จากการที่ ผีแดง เป็นฝ่ายบุกอยู่เพลิน ๆ กลับต้องตกเป็นฝ่ายตามหลัง 0-1 ในนาทีที่ 27 จากความโชคร้ายที่แอนโธนี่ กอร์ดอนได้โอกาสซัดด้วยขวาเต็มข้อจากหน้าเขตโทษ แล้วบอลเจ้ากรรมดันไปแฉลบแฮร์รี่ แม็กไกวร์ ปราการหลังทีมชาติอังกฤษ เปลี่ยนทางเข้าไปตุงตาข่าย
หลังจากเป็นฝ่ายขึ้นนำอย่างพลิกความขาดหมาย ทำให้ลูกทีมของแฟร้งค์ แลมพาร์ดกลายเป็นบอลได้ใจไปเลย และมีโอกาสบวกเม็ดสองแบบรัว ๆ สองครั้งสองครา โดยไมเคิ่ล คีนสอดขึ้นมาโขกลูกเตะมุมจากทางฝั่งขวาข้ามคานไปแบบมีลุ้นในนาทีที่ 30 ก่อนที่ริชาร์ลิซอนจะได้สับไกจากหน้าเขตโทษ แล้วบอลไปแฉลบวิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ปราการหลังทีมชาติสวีเดน แต่ว่าหนนี้ดาบิด เด เคอา นายทวารจอมเก๋าทีมชาติสเปน ไม่พลาดซ้ำสองไหวตันทันปัดทิ้งออกหลังไปได้
แมนฯยูฯจำเป็นต้องใช้โควตาเปลี่ยนตัวสำรองเป็นคนแรกในนาทีที่ 36 เมื่อเฟร็ด ดาวเตะสารพัดประโยชน์ชาวแซมบ้า มีอาการบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่งปอล ป๊อกบา อาร์ตตัวพ่อทีมชาติฝรั่งเศส ลงมาเติมแผงกลาง
แม้ว่าปีศาจแดงจะยังคงเป็นฝ่ายครองเกมได้เหนือกว่าในครึ่งหลัง แต่พยายามเจาะอย่างไรก็ไม่สามารถฝ่าแนวรับทอฟฟี่สีน้ำเงินไปได้ ทำให้ราล์ฟ รังนิกต้องแก้เกมให้เร้ดอาร์มี่ในนาทีที่ 64 ด้วยการส่งสองตัวสำรองอย่างฆวน มาต้า และแอนโธนี่ อีแลงก้า ลงไปแทนแรชฟอร์ด และเนมานย่า มาติช ตามลำดับ
แต่ เอฟเวอร์ตัน ก็ยังคงผนึกกำลังกันขึงเกมรับเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นดุจกำแพงเมืองจีนจนยากที่แมนฯยูฯจะเข้าไปได้ง่าย ๆ ทำให้ป๊อกบาต้องลองหันมาส่องด้วยขวาจากหน้าเขตโทษ แต่พิคฟอร์ดก็รับเข้าซองไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ช่วงทดเวลาบาเจ็บเข้าสู่นาทีที่ 3 เกือบเป็นนาทีบาปของทอฟฟี่สีน้ำเงิน โดยแม็กไกวร์โหม่งตั้งไปให้คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมชาติฝรั่งเศส ได้ซัดเน้น ๆ หน้าปากประตู แต่พิคฟอร์มก็ยังช่วยเซฟชีวิตเจ้าถิ่นเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด
สามแต้มในเกมนี้มีความหมายสำคัญอย่างมากสำหรับเอฟเวอร์ตัน เนื่องจากทำให้พลพรรคทอฟฟี่สีน้ำเงินได้หายใจคล่องคอมากขึ้นด้วยการทิ้งห่างทีมในโซนตกชั้นอย่างเบิร์นลี่ย์ออกไปเป็น 4 แต้ม แม้ว่าจะเป็นฝ่ายลงเล่นมากกว่าหนึ่งนัดก็ตามที ขณะที่แมนฯยูฯไม่มีอะไรจะเสียต้องกวาดชัยทุกนัดที่เหลือในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่นนี้ให้ได้สถานเดียว
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม:
เอฟเวอร์ตัน (4-3-3): จอร์แดน พิคฟอร์ด, เซมุส โคแมน, เบน ก๊อดฟรี่ย์, ไมเคิ่ล คีน, วิตาลี่ มายโคเลนโก้, ฟาเบียน เดลฟ์, อัลลัน, อเล็กซ์ อิโวบี้, แอนโธนี่ กอร์ดอน, โดมินิก คัลเวิร์ต-ลูวิน (เดมาไร เกรย์ นาทีที่ 71), ริชาร์ลิซอน
เทรนเนอร์: แฟร้งค์ แลมพาร์ด
แมนฯยูฯ (4-2-3-1): ดาบิด เด เคอา, แอรอน วาน-บิสซาก้า, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, อเล็กซ์ เตลลิส, เนมานย่า มาติช (ฆวน มาต้า นาทีที่ 64), เฟร็ด (ปอล ป๊อกบา นาทีที่ 36), เจดอน ซานโช่, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, มาร์คัส แรชฟอร์ด (แอนโธนี่ อีแลงก้า นาทีที่ 64), คริสเตียโน่ โรนัลโด้
เทรนเนอร์: ราล์ฟ รังนิก
กรรมการ: โจนาธาน มอสส์
